จักรวาลของ “Jaws” เริ่มต้นขึ้นในปี 1975 ด้วยภาพยนตร์ที่กำกับโดยสตีเวน สปีลเบิร์ก ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในวงการภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องแรกนี้สร้างจากนวนิยายของปีเตอร์ เบนช์ลีย์ เล่าเรื่องราวของฉลามขาวยักษ์ที่คุกคามชายหาดเมืองแอมิตี้ ทำให้หัวหน้าตำรวจมาร์ติน โบรดี้ นักสมุทรศาสตร์แมตต์ ฮูเปอร์ และนักล่าฉลามควินท์ ต้องร่วมมือกันเพื่อตามล่าฉลามและปกป้องชาวเมือง ความสำเร็จของ “Jaws” ไม่เพียงแต่ในด้านรายได้ที่ทำลายสถิติในเวลานั้น แต่ยังได้เปลี่ยนแปลงวิธีการทำการตลาดและการเผยแพร่ภาพยนตร์อย่างมีนัยสำคัญ
จากความสำเร็จของภาพยนตร์ภาคแรก จักรวาล “Jaws” ได้ขยายตัวด้วยการสร้างภาคต่ออีกสามภาค ได้แก่ “Jaws 2” ในปี 1978, “Jaws 3-D” ในปี 1983, และ “Jaws: The Revenge” ในปี 1987 แม้ว่าภาคต่อเหล่านี้จะไม่ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีเท่าภาคแรก แต่ก็ยังคงรักษาความน่าตื่นเต้นและความสนใจของผู้ชมไว้ได้ ซีรีส์ “Jaws” ไม่เพียงแค่เป็นเรื่องราวของการต่อสู้กับฉลามยักษ์ แต่ยังสะท้อนถึงความกลัวและความกล้าหาญของมนุษย์ในการเผชิญกับภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถควบคุมได้
การสร้างและพัฒนาภาพยนตร์ชุด “Jaws” เป็นการเดินทางที่น่าทึ่งทั้งในแง่ของการสร้างสรรค์และความสำเร็จที่ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในซีรีส์ภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ โดยมีทั้งความสำเร็จและความท้าทายที่เกิดขึ้นในแต่ละภาค เราจะมาดูกันว่าแต่ละภาคมีเรื่องราวและพัฒนาการอย่างไร
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อพบศพนักว่ายน้ำหญิงคนหนึ่งถูกกัดเสียชีวิตที่ชายหาดของแอมิตี้ หัวหน้าตำรวจมาร์ติน โบรดี้ (รอย ชไดเดอร์) เชื่อว่าการตายเกิดจากฉลาม แต่เนื่องจากเมืองแอมิตี้ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยว ชายหาดจึงไม่ถูกปิดตามคำแนะนำของโบรดี้ และในวันหยุดสุดสัปดาห์ถัดมา มีเหตุการณ์ฉลามโจมตีผู้คนอีกครั้ง ทำให้ต้องปิดชายหาดในที่สุด นักสมุทรศาสตร์แมตต์ ฮูเปอร์ (ริชาร์ด เดรย์ฟัสส์) ถูกเรียกมาตรวจสอบและยืนยันว่าฉลามที่โจมตีเป็นฉลามขาวขนาดใหญ่
โบรดี้และฮูเปอร์พยายามโน้มน้าวให้นายกเทศมนตรีโวห์น (เมอร์รี แฮมิลตัน) ยอมปิดชายหาดและจัดการกับฉลาม แต่โวห์นยังคงไม่เชื่อในความรุนแรงของสถานการณ์ ควินท์ (โรเบิร์ต ชอว์) นักล่าฉลามท้องถิ่นที่มีประสบการณ์มากมาย เสนอที่จะจับฉลามขาวนี้ด้วยตนเอง โบรดี้และฮูเปอร์จึงตัดสินใจร่วมมือกับควินท์ ออกเดินทางไปในทะเลด้วยเรือของควินท์ที่ชื่อว่า “ออร์กา”การล่าฉลามครั้งนี้เต็มไปด้วยอุปสรรคและความตึงเครียด ฉลามขาวยักษ์นั้นฉลาดและรุนแรงกว่าที่คาดคิด ควินท์ ฮูเปอร์ และโบรดี้ต้องใช้ทั้งความกล้าหาญและไหวพริบในการต่อสู้กับมัน พวกเขาเผชิญกับความล้มเหลวหลายครั้ง แต่ในที่สุดโบรดี้สามารถจัดการกับฉลามได้ด้วยการยิงถังอากาศที่ติดอยู่ในปากของมัน จนมันระเบิดและจมน้ำตาย
“Jaws” ไม่เพียงแค่เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญที่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ชม แต่ยังเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ผู้คนหันมาสนใจและเคารพความมหัศจรรย์และความอันตรายของธรรมชาติ ภาพยนตร์นี้ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์สมัยใหม่ โดยทำรายได้มหาศาลและได้รับการยอมรับในด้านความสำเร็จทางศิลปะและเทคนิคการสร้างภาพยนตร์
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีการค้นพบเรือใบที่ถูกทิ้งร้างและพบศพของนักประดาน้ำสองคน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาจมีฉลามขาวยักษ์อีกตัวเข้ามาในน่านน้ำของเมือง โบรดี้เริ่มสงสัยและพยายามเตือนชาวเมืองและนายกเทศมนตรี แลร์รี่ วอห์น (เมอร์รี แฮมิลตัน) แต่กลับถูกเพิกเฉยและปฏิเสธจากทุกคนที่ไม่เชื่อว่าเหตุการณ์ฉลามโจมตีจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นเมื่อกลุ่มวัยรุ่น รวมถึงลูกชายของโบรดี้ ไมค์ (มาร์ค กรันท์) และฌอน (มาร์ก กิลพิน) ออกไปล่องเรือใบในวันหยุด
ฉลามขาวยักษ์ตัวใหม่เริ่มโจมตีเรือใบ ทำให้พวกวัยรุ่นต้องพยายามเอาตัวรอด โบรดี้ที่ได้รับข่าวร้ายรีบออกเรือไปช่วยเหลือโดยไม่ลังเล เขาต้องเผชิญหน้ากับฉลามอีกครั้งในขณะที่พยายามปกป้องลูกๆ และเพื่อนๆ ของพวกเขา ในขณะเดียวกัน ภรรยาของโบรดี้ เอลเลน (ลอร์เรน แกรี่) ก็พยายามช่วยเหลือและให้กำลังใจเขา แม้ว่าเธอเองก็หวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในช่วงเวลาที่ตึงเครียดนี้ โบรดี้ต้องใช้ความกล้าหาญและความสามารถของเขาในการเผชิญหน้ากับฉลามและปกป้องชาวเมืองจากภัยอันตราย
“Jaws 2” โบรดี้ต้องใช้ความกล้าหาญและความสามารถของเขาในการเผชิญหน้ากับฉลามและปกป้องชาวเมืองจากภัยอันตราย ยังคงรักษาความน่าตื่นเต้นและความระทึกขวัญของภาคแรกไว้ได้อย่างดี ด้วยฉากการโจมตีที่น่ากลัวและการเผชิญหน้ากับฉลามที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีเท่าภาคแรก แต่ “Jaws 2” ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่น่าจดจำและทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความหวาดกลัวของการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ในท้องทะเล
เรื่องราวเกิดขึ้นที่ซีเวิลด์ สวนสนุกทางทะเลในฟลอริดา สวนสนุกแห่งนี้มีการแสดงสัตว์น้ำหลากหลายชนิดรวมถึงฉลามเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว มิเกล บร็อดี้ (เดนนิส เควด) ลูกชายของหัวหน้าตำรวจมาร์ติน โบรดี้จากภาคก่อน ทำงานเป็นวิศวกรในสวนสนุกนี้ เขามีพี่ชายชื่อฌอน (จอห์น พุทช์) ซึ่งมาเยี่ยมเขาในช่วงวันหยุด ขณะเดียวกัน เคลวิน บูเชิร์ด (หลุยส์ กอสเซ็ตต์ จูเนียร์) เจ้าของซีเวิลด์กำลังเตรียมเปิดตัวอุโมงค์ใต้น้ำที่ใหม่เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับสวนสนุก
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดีจนกระทั่งมีการพบฉลามขาวยักษ์ที่หลุดเข้ามาในทะเลสาบภายในสวนสนุก โดยไม่มีใครรู้ว่ามันสามารถเข้ามาได้อย่างไร ไม่นานหลังจากนั้น มีการพบศพของพนักงานที่ถูกฉลามโจมตี มิเกลและเคย์ มอร์แกน (เบส อาร์มสตรอง) นักชีววิทยาทางทะเลต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าฉลามขาวยักษ์นั้นอยู่ภายในสวนสนุก และกำลังคุกคามความปลอดภัยของผู้มาเยือน สถานการณ์ยิ่งทวีความรุนแรงเมื่อฉลามโจมตีและสร้างความเสียหายให้กับอุโมงค์ใต้น้ำ
ทำให้ผู้มาเยือนติดอยู่ภายใน มิเกลและทีมงานต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือผู้ติดอยู่ในอุโมงค์และกำจัดฉลามก่อนที่จะมีคนเสียชีวิตมากกว่านี้ ในที่สุด มิเกลและเคย์สามารถร่วมมือกันเพื่อวางแผนกำจัดฉลามได้สำเร็จ พวกเขาใช้การระเบิดเพื่อล่อฉลามเข้ามาใกล้และกำจัดมันในที่สุด ซีเวิลด์กลับสู่ความสงบอีกครั้ง แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ยังคงเป็นบทเรียนที่น่าจดจำสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง
“Jaws 3-D” แม้จะได้รับคำวิจารณ์ที่หลากหลาย แต่ก็เป็นภาคที่ให้ประสบการณ์การรับชมแบบ 3-D ที่น่าตื่นเต้นและเสริมสร้างเรื่องราวของซีรีส์ Jaws ให้มีมิติที่แปลกใหม่
“Jaws: The Revenge“เป็นภาคปิดท้ายของตำนานสยองขวัญ “ขากรรไกร” ที่กลับมาสร้างความหวาดกลัวให้ผู้ชมอีกครั้งในปี 1987 กำกับโดย โจเซฟ ซาร์เจนท์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงนำแสดงโดย ลอร์เรน แกรี่ ในบท เอลเลน โบรดี้ ผู้สูญเสียครอบครัวให้กับฉลามขาวยักษ์ และกลับมาเผชิญหน้ากับความหวาดกลัวครั้งใหม่เมื่อลูกชายคนสุดท้องถูกฉลามโจมตีอีกครั้ง เรื่องราวของการตามล่าเอาคืนและความแค้นอันแรงกล้าของเอลเลนจะนำไปสู่จุดจบอย่างไร
ในขณะที่เขากำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทางน้ำที่แอมิตี้ ทำให้เอลเลนตกใจและเสียใจอย่างมาก เธอเริ่มเชื่อว่าฉลามกำลังตามล้างแค้นครอบครัวเธอ เพื่อหลีกหนีจากความทรงจำอันเจ็บปวด เอลเลนตัดสินใจไปเยี่ยมไมเคิล โบรดี้ (แลนซ์ เกสต์) ลูกชายคนโตของเธอที่บาฮามาส ไมเคิลทำงานเป็นนักวิจัยทางทะเลที่นั่นและมีครอบครัวที่อบอุ่นกับภรรยาของเขา คาร์ลา (คาเรน ยัง) และลูกสาวคนเล็ก เธีย (จูดิธ บาร์เซ)
แต่ความสงบสุขที่เอลเลนหวังว่าจะพบกลับถูกทำลายเมื่อฉลามขาวยักษ์ตามมาโจมตีที่บาฮามาส ทำให้เอลเลนมั่นใจว่าฉลามตัวนี้มีจุดประสงค์ที่จะทำลายครอบครัวของเธอ ขณะที่ไมเคิลและเจค (มาริโอ แวน พีเบิลส์) เพื่อนนักวิจัยของเขาพยายามหาวิธีหยุดยั้งฉลาม เอลเลนตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับมันด้วยตัวเอง เพื่อปกป้องครอบครัวและหยุดยั้งความหวาดกลัวที่ตามหลอกหลอนเธอมานาน ฉากสุดท้ายของภาพยนตร์เอลเลนเผชิญหน้ากับฉลามในทะเลโดยใช้เรือ
ซึ่งการต่อสู้อันดุเดือดและตื่นเต้นทำให้ภาพยนตร์จบลงอย่างน่าประทับใจ การต่อสู้นี้ไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด แต่ยังเป็นการต่อสู้เพื่อปกป้องครอบครัวและทำให้เอลเลนสามารถปลดปล่อยตัวเองจากความกลัวที่ตามหลอกหลอนเธอมานาน แม้ว่า “Jaws: The Revenge” จะได้รับคำวิจารณ์ที่ไม่ดีนักและไม่ได้ประสบความสำเร็จในแง่รายได้เท่าภาคก่อน ๆ แต่ภาพยนตร์นี้ยังคงเป็นส่วนสำคัญของจักรวาล “Jaws”
และเป็นการปิดฉากเรื่องราวของครอบครัวโบรดี้ที่เริ่มต้นจากภาพยนตร์ภาคแรกในปี 1975 “Jaws” เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ใช้การตลาดที่เข้มข้นและการเผยแพร่ในวงกว้างเพื่อดึงดูดผู้ชม โดยมีการฉายพร้อมกันในหลายโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ยังคงใช้ในวงการภาพยนตร์จนถึงปัจจุบัน
ซีรีส์ “Jaws” หรือในชื่อไทยว่า “ฉลามโคตรคลั่ง” นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพยนตร์สัตว์ประหลาดทั่วไป แต่เป็นผลงานชิ้นเอกที่สร้างปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมและปลุกกระแสความกลัวในมหาสมุทรอย่างลึกซึ้ง จนถึงปัจจุบัน แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี อิทธิพลของ “Jaws” ยังคงอยู่และส่งผลต่อผู้ชมในหลากหลายมิติ
ซีรีส์ “Jaws” นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพยนตร์ แต่ยังเป็นผลงานศิลปะที่สะท้อนถึงความกลัว ความใฝ่ฝัน ความาพยายามและความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติ อิทธิพลของ “Jaws” ยังคงอยู่และจะคงอยู่ต่อไปในฐานะหนึ่งในภาพยนตร์คลาสสิกที่ทรงอิทธิพลที่สุดตลอดกาล